20 ธันวาคม 2020
05 มิ.ย. 2024
การรับประทานอาหารเสริมกรดโฟลิกคือหนึ่งในเรื่องง่าย ๆ แต่มีประโยชน์ที่สุดสำหรับสุขภาพของลูกน้อยในครรภ์ ไม่ว่าคุณจะกำลังวางแผนตั้งครรภ์หรือตั้งครรภ์แล้วก็ตาม วิตามิน B9 หรือกรดโฟลิกเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของตัวอ่อน รวมถึงป้องกันความบกพร่องของท่อประสาท (Neural Tube Abnormalities) ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญที่คลินิกรักษาผู้มีบุตรยากของเราที่กรุงเทพฯ จึงแนะนำให้ผู้หญิงทุกคนในวัยเจริญพันธุ์บริโภคกรดโฟลิกอย่างเพียงพอแม้จะยังไม่ตั้งครรภ์ก็ตาม โดยบทความนี้จะอธิบายถึงเหตุผลที่กรดโฟลิกมีความสำคัญและแบ่งปันความรู้จากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับกรดโฟลิก
Table of Contents
เนื่องจากความบกพร่องของท่อประสาทสามารถเกิดขึ้นในได้สัปดาห์แรก ๆ ของการตั้งครรภ์ และหลายครั้งมักจะเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้หญิงจะรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือการรับประทานอาหารเสริมกรดโฟลิกทุกวันเมื่อพยายามจะตั้งครรภ์ เนื่องจากสมอง กะโหลก และไขสันหลังของตัวอ่อนมีการเจริญเติบโตมาจากท่อประสาท การรับประทานกรดโฟลิกในปริมาณที่เพียงพอจะช่วยให้ท่อประสาทปิดสนิทในช่วงแรกของการตั้งครรภ์
ที่มา: Compound Chemistry website
กรดโฟลิกช่วยป้องกันความบกพร่องของท่อประสาท เช่น ภาวะทารกไม่มีสมองและกะโหลกศีรษะ (Anencephaly) และภาวะไขกระดูกสันหลังไม่ปิดในเด็กแรกเกิด (Spina Bifida) โดยขึ้นอยู่กับปริมาณกรดโฟลิกที่ได้รับทั้งก่อนและหลังการตั้งครรภ์
สำนักงานวิจัยและคุณภาพการดูแลสุขภาพ (AHRQ) รายงานว่า กรดโฟลิกที่รับประทานในช่วงก่อนและช่วงแรกของการตั้งครรภ์สามารถช่วยป้องกันความบกพร่องของท่อประสาทได้มากถึง 70% ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นจากความผิดปกติโดยกำเนิด สตรีมีครรภ์จึงสามารถลดความเสี่ยงของลูกน้อยได้ง่าย ๆ ด้วยการรับประทานกรดโฟลิก
ที่มา: Spina Bifida Association website
แม้ว่าการรับประทานกรดโฟลิกเป็นวิธีที่นิยมใช้ในการป้องกันความบกพร่องของท่อประสาท แต่วิตามิน B ชนิดนี้ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพและการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์อีกด้วย โดยกรดโฟลิกมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเติบโตอย่างรวดเร็วของทารกในครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมการแสดงออกของยีน การแบ่งเซลล์ และการสังเคราะห์เซลล์เม็ดเลือดแดง
นอกจากนี้ การได้รับกรดโฟลิกอย่างเพียงพอยังช่วยลดความเสี่ยงของภาวะต่อไปนี้ได้ด้วย
สำหรับผู้หญิงที่วางแผนจะมีบุตร แพทย์แนะนำให้เริ่มรับประทานกรดโฟลิกเป็นประจำทุกวันอย่างน้อยหนึ่งเดือนก่อนที่จะพยายามตั้งครรภ์ เพื่อเป็นการสะสมระดับวิตามินในร่างกายก่อนการตั้งครรภ์จริง ด้วยเหตุนี้ องค์การด้านสุขภาพ เช่น CDC จึงแนะนำให้ผู้หญิงทุกคนที่สามารถตั้งครรภ์ได้รับประทานกรดโฟลิกประมาณ 400 ไมโครกรัม (0.4 มิลลิกรัม) ทุกวัน
ที่มา: National Birth Defects Prevention Network website
สำหรับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์แล้ว ให้รับประทานกรดโฟลิกในปริมาณที่แนะนำต่อไปอย่างน้อยจนถึงสี่หรือหกสัปดาห์หลังคลอด เนื่องจากการฟื้นฟูร่างกายจากการคลอดก็ต้องอาศัยปริมาณโฟเลตที่เพียงพอเช่นกัน
ในบางกรณี แพทย์จะแนะนำให้รับประทานกรดโฟลิกมากขึ้นเมื่อตั้งครรภ์แล้ว ซึ่งได้แก่กรณีต่อไปนี้
เมื่อคุณเข้ารับการตรวจภาวะมีบุตรยาก แพทย์ที่คลินิกรักษามีบุตรยากของเราในกรุงเทพฯ จะตรวจสอบประวัติทางการแพทย์และความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างละเอียดเพื่อพิจารณาว่าคุณควรได้รับกรดโฟลิกในปริมาณที่มากขึ้นหรือไม่
มีหลายปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดปริมาณกรดโฟลิกที่ผู้หญิงควรได้รับระหว่างการตั้งครรภ์ แต่ในกรณีส่วนใหญ่ ปริมาณที่แนะนำสำหรับผู้หญิงที่มีสุขภาพแข็งแรงมีดังต่อไปนี้
การรับประทานกรดโฟลิกให้เพียงพอสามารถทำได้ด้วยการรับประทานวิตามินบำรุงครรภ์ร่วมกับอาหารที่มีปริมาณโฟเลตสูง เช่น ถั่ว ผลไม้ตระกูลส้ม ผักใบเขียว ธัญพืช และซีเรียลที่ผสมโฟเลต
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูงต่อการตั้งครรภ์ทารกที่มีความบกพร่องของท่อประสาท แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานกรดโฟลิกในปริมาณสูงถึง 4,000 mcg ซึ่งจะต้องมาจากอาหารเสริมเท่านั้น เพราะอาหารปกติไม่สามารถช่วยให้ได้รับกรดโฟลิกในปริมาณมากขนาดนี้ได้
แม้ภาวะขาดโฟเลตอย่างรุนแรงจะไม่ค่อยพบในประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่หากไม่ได้รับการรักษา ก็อาจส่งผลร้ายต่อสตรีมีครรภ์ได้ดังนี้
ดังที่กล่าวไปแล้วว่าการป้องกันความบกพร่องของท่อประสาทอย่างรุนแรงที่ส่งผลต่อสมองและกระดูกสันหลังของทารกขึ้นอยู่กับวิตามินชนิดนี้เป็นหลัก ความผิดปกติเหล่านี้มักปรากฏในช่วงสัปดาห์แรก ๆ ของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะรู้ตัวว่าตั้งครรภ์
ทารกที่คลอดออกมาด้วยน้ำหนักแรกคลอดต่ำเนื่องจากแม่ขาดกรดโฟลิกมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหามากกว่าทารกทั่วไป
ภาวะขาดกรดโฟลิกมีความสัมพันธ์กับการคลอดก่อนกำหนด ซึ่งคือการคลอดก่อน 37 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาการหายใจ พัฒนาการล่าช้า และความผิดปกติอื่น ๆ
นอกจากผลกระทบที่กล่าวไปแล้ว ภาวะขาดกรดโฟลิกระหว่างตั้งครรภ์ยังอาจส่งผลต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ ได้อีก ดังนี้
ข่าวดีก็คือการรับประทานกรดโฟลิกในปริมาณที่เพียงพอนั้นทำได้ง่ายและราคาไม่แพง คุณสามารถทำได้โดยการรับประทานอาหารเสริมและอาหารที่หลากหลายเป็นประจำ ทั้งนี้ แม้ว่ากรดโฟลิกจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยทั่วไปของผู้หญิงระหว่างตั้งครรภ์และในช่วงให้นมบุตร แต่ก็จำเป็นสำหรับช่วงเวลาทั้งก่อนและระหว่างการตั้งครรภ์ด้วยเช่นกัน
ทีมงานของเราที่คลินิกรักษาผู้มีบุตรยากในกรุงเทพฯ จะให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของกรดโฟลิก และแนะนำปริมาณที่เหมาะสม ไม่ว่าคุณจะกำลังพยายามมีบุตรหรือตั้งครรภ์อยู่แล้วก็ตาม เราเชื่อว่าการให้ความรู้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้คนไข้ของเราได้มีโอกาสตั้งครรภ์อย่างปลอดภัยที่สุด
หากคุณกำลังวางแผนจะมีบุตร อย่าเสี่ยงกับสุขภาพของลูกน้อยในครรภ์ และเพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้รับกรดโฟลิกในปริมาณที่เพียงพอ ให้เลือกรับประทานวิตามินบำรุงครรภ์ที่มีกรดโฟลิกตามปริมาณที่แนะนำ วิธีการง่าย ๆ นี้จะช่วยป้องกันความบกพร่องของท่อประสาทได้อย่างดีเยี่ยม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทีมงานของเราพร้อมตอบทุกคำถามเกี่ยวกับประโยชน์ของกรดโฟลิก รวมไปถึงเทคนิคอื่น ๆ สำหรับการเตรียมตัวตั้งครรภ์ หากคุณกำลังวางแผนจะมีบุตร นัดหมายปรึกษากับ Bangkok Central Clinic ได้เลยวันนี้