20 ธันวาคม 2020
08 ก.พ. 2024
เส้นทางสู่การเป็นพ่อแม่มักเต็มไปด้วยอุปสรรคเสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องรับมือกับภาวะมีบุตรยากในชาย การเก็บอสุจิโดยตรงจากอัณฑะ (TESE) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ อาจให้ความหวังได้มากว่าเมื่อเทียบกับวิธีการช่วยการเจริญพันธุ์แบบเดิม ๆ ในบทความนี้ เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับมุมมองเกี่ยวกับการทำ TESE โดยเน้นถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ที่คุณต้องพิจารณา
Table of Contents
การเก็บอสุจิโดยตรงจากอัณฑะ หรือ เทเซ่ (Testicular Sperm Extraction: TEST) คือเทคนิคการผ่าตัดเพื่อเก็บอสุจิออกจากเนื้อเยื่ออัณฑะโดยตรง กระบวนการเทเซ่ครอบคลุมภาวะไม่มีอสุจิ (Azoospermia) ทั้งแบบอุดตันและไม่อุดตัน ซึ่งตรงกันข้ามกับ Microscopic Testicular Sperm Extraction (microTESE) ที่ใช้แนวทางที่ครอบคลุมน้อยกว่า กระบวนการเทเซ่มีความสำคัญเมื่อไม่สามารถหลั่งอสุจิได้ตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเกิดจากการอุดตันหรือผลิตที่น้อยลง
ในบางครั้งการวางแผนในการสร้างครอบครัวอาจถูกขัดขวางด้วยภาวะมีบุตรยากซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิง ในคู่รักที่มีปัญหาในการตั้งครรภ์มักจะหันไปรับการวินิจฉัยภาวะมีบุตรยากเพื่อเป็นแนวทางในการมีลูก โดยเฉพาะการวินิจฉัยภาวะมีบุตรยากในชายต้องได้รับการประเมินที่ครอบคลุมซึ่งรวมถึงอัลตราซาวด์ถุงอัณฑะ การตรวจเลือด และการวิเคราะห์น้ำอสุจิ เครื่องมือวินิจฉัยเหล่านี้จะประเมินลักษณะต่าง ๆ ของตัวอสุจิ เช่น การเคลื่อนไหว (ลักษณะท่าทางในการเคลื่อนที่) สัณฐานวิทยา (ขนาดและรูปร่างของตัวอสุจิ) จำนวนอสุจิ และปริมาณน้ำอสุจิ ซึ่งเป็นข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการเข้ารับบำบัดภาวะเจริญพันธุ์ที่ปรับแต่งตามความต้องการได้
ขั้นตอนการผ่าตัดอื่น ๆ เช่น การผ่าตัดเพื่อเก็บอสุจิอาจเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องการสืบพันธุ์เป็นพิเศษ อาทิ PESA TESA และ TESE ซึ่งเป็นขั้นตอนการผ่าตัดสกัดอสุจิสามขั้นตอนที่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน รวมถึงภาวะไม่มีน้ำอสุจิในเพศชายแบบทั้งอุดตันและอุดตัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านสุขภาพการเจริญพันธุ์ของผู้ชายจะดำเนินการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ โดยเริ่มจากการดึงตัวอย่างเนื้อเยื่อขนาดเล็กออกจากลูกอัณฑะ จากนั้นจึงนำตัวอย่างนี้ไปตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบว่ามีอสุจิที่มีชีวิตอยู่หรือไม่ ซึ่งกระบวนการเทเซ่จะช่วยให้สามารถแก้ไขภาวะเจริญพันธุ์ในคุณผู้ชายได้
เมื่อคุณเข้ารับการรักษาด้วยกระบวนการเทเซ่มักมาพร้อมกับข้อควรพิจารณาบางประการที่คุณควรทราบซึ่งความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น มีเลือดออก มีการติดเชื้อ และอาจรู้สึกไม่สบายหลังทำได้ แต่ก็ใช้เวลาไม่นานในการฟื้นตัว โดยคนไข้ก็จะกลับมาทำกิจกรรมได้ตามปกติในระยะเวลาอัน
อสุจิที่รวบรวมได้หลังจากรักษาด้วยการทำเทเซ่ สามารถแช่แข็งเพื่อใช้ในอนาคตหรือนำไปใช้เพื่อการปฏิสนธิได้ทันที แม้ว่าการแช่แข็งอาจทำให้เกิดปัญหาบางประการแต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมักเห็นพ้องต้องกันว่าผลลัพธ์จะคล้ายกับการใช้อสุจิสดในเทคนิคการสืบพันธุ์สมัยใหม่ เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หรือการรักษาด้วยกระบวนการอิ๊กซี่ (ICSI) หากคุณจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาครั้งที่สอง เราจะแนะนำให้รอ 6 – 12 เดือนก่อน
เทเซ่อาจเป็นวิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้สำหรับคุณผู้ชายที่เผชิญกับภาวะมีน้ำอสุจิน้อย ขั้นตอนการผ่าตัดนี้จะช่วยเข้ามาเติมเต็มความหวังในการมีลูกได้ เราต้องขอบคุณความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ในการตัดสินใจทำหัตถการใดๆ คนไข้จะต้องชั่งน้ำหนักในทั้งข้อดีและข้อเสียให้ดีอย่างรอบคอบ ดังนั้นอย่าลังเลที่จะติดต่อคลินิกรักษาผู้มีบุตรยากของเราเพื่อขอคำแนะนำและข้อมูลที่เหมาะสมกับทางทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราได้
การวินิจฉัยภาวะมีบุตรยากในชายจะต้องมีการตรวจที่ครอบคลุม คู่รักที่ประสบปัญหาในการตั้งครรภ์มักจะขอคำแนะนำผ่านการวินิจฉัยภาวะมีบุตรยาก กระบวนการนี้รวมถึงการอัลตราซาวด์ถุงอัณฑะ การตรวจเลือด และการวิเคราะห์น้ำอสุจิ มีการประเมินคุณลักษณะต่าง ๆ ของอสุจิ เช่น การเคลื่อนไหว สัณฐานวิทยา จำนวนอสุจิ และปริมาณน้ำอสุจิ ซึ่งเป็นข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการเข้ารับการบำบัดภาวะเจริญพันธุ์ที่ปรับแต่งตามความต้องการได้
การผ่าตัดที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาคุณผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องการเจริญพันธุ์ เช่น PESA TESA และ TESE ซึ่งเป็นขั้นตอนการผ่าตัดสกัดอสุจิสามขั้นตอนที่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน รวมถึงภาวะไม่มีน้ำอสุจิในเพศชายแบบทั้งอุดตันและอุดตัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านสุขภาพการเจริญพันธุ์ของผู้ชายจะดำเนินการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ โดยเริ่มจากการดึงตัวอย่างเนื้อเยื่อขนาดเล็กออกจากลูกอัณฑะ จากนั้นจึงนำตัวอย่างนี้ไปตรวจสอบอย่างพิถีพิถันว่ามีอสุจิที่มีชีวิตอยู่หรือไม่ ซึ่งกระบวนการเทเซ่จะช่วยให้สามารถแก้ไขภาวะการเจริญพันธุ์ในเพศชายได้
อสุจิที่รวบรวมได้หลังจากรักษาด้วยการทำเทเซ่ สามารถแช่แข็งเพื่อใช้ในอนาคตหรือนำไปใช้เพื่อการปฏิสนธิได้ทันที แม้ว่าการแช่แข็งอาจทำให้เกิดปัญหาบางประการแต่ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมักเห็นตรงกันว่าผลลัพธ์จะคล้ายกับการใช้อสุจิสดในเทคนิคการสืบพันธุ์สมัยใหม่ เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หรือการรักษาด้วยกระบวนการอิ๊กซี่ (ICSI) หากคุณจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาครั้งที่สอง เราจะแนะนำให้รอ 6 – 12 เดือนก่อน