20 ธันวาคม 2020
24 มิ.ย. 2022
มีคู่สมรสหลายคู่เลือกจะไม่มีลูกจนกว่าจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานหรือมีอิสระทางการเงินอย่างแน่นอนเสียก่อน ซึ่งในที่นี้ก็หมายความว่ามีหลายคู่ที่กว่าจะพร้อมมีลูกได้ก็เมื่อตอนอายุ 30 ถึง 40 ปีไปแล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะนั้น การยืดเวลาตั้งครรภ์ออกไปอาจมีปัญหาได้เนื่องจากโอกาสการตั้งครรภ์นั้นมักจะเสื่อมถอยลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น
ที่จริงแล้วภาวะเจริญพันธุ์ของผู้ชายก็มีความสำคัญเช่นกัน แต่ความสำเร็จในการตั้งครรภ์เด็กนั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของไข่ที่ผู้หญิงสามารถผลิตได้ เมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้น ปริมาณและคุณภาพของไข่ที่พวกเขาสามารถผลิตได้ก็จะลดลง และการลดลงที่มากที่สุดเกิดขึ้นหลังจากอายุ 40 ปีเป็นต้นไป ดังนั้นสาเหตุที่คลินิกหลายแห่งที่รับรักษาภาวะเจริญพันธุ์ จะใช้วิธีป้องกันไม่ให้คนไข้หญิงนั้นใช้ไข่ของตัวเองในการตั้งครรภ์ในช่วงอายุ 42-45 ปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆที่ตั้งไว้ ซึ่งคนไข้อาจจะเลือกใช้ไข่จากหญิงที่มีอายุน้อยกว่าได้
ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่ามีแนวโน้มที่จะมีไข่ที่มีความผิดปกติจากโครโมโซม เมื่ออายุ 40 ปีไข่ประมาณ 60% อาจมีโครโมโซมผิดปกติ ความผิดปกติเหล่านี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ การแท้งบุตร หรือการตั้งครรภ์ที่มีความผิดปกติของโครโมโซม เช่น อาการของดาวน์ซินโดรม แต่ก็ยังโชคดีที่ยังมีการตรวจคัดกรองก่อนการฝังตัวอ่อน เพื่อสามารถระบุตัวอ่อนที่มีสุขภาพที่ดีที่สุดและคัดแยกตัวอ่อนที่มีความผิดปกติออกไป
เมื่อภาวะเจริญพันธุ์ในผู้หญิงลดลงไป และมีแพลนจะตั้งครรภ์นั้น แนะนำให้ไปพบแพทย์ทันที สำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี แนะนำให้ลองพยายามมีลูกด้วยวิธีธรรมชาติโดยไม่ต้องป้องกันก่อน ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไปนั้น ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์ทันทีเมื่อได้ตัดสินใจที่จะมีลูกเพื่อเตรียมตัวและทำความเข้าใจในทางเลือกที่จะได้รับ
เมื่ออายุที่มากกว่า 40 ปีขึ้นไป จำนวนของไข่ก็จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งตัวอ่อนที่มีคุณภาพจำนวนน้อยลงนี้ สามารถถูกสร้างขึ้นได้ผ่านการปฏิสนธินอกร่างกาย หรือที่เรียกกันสั้นๆว่าการทำ IVF หรือการทำเด็กหลอดแก้ว ซึ่งการทำแบบนี้เท่ากับเป็นตัวช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จของการตั้งครรภ์ให้เทียบเท่ากับผู้ที่มีอายุน้อยกว่า ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไปนั้น มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการรักษาด้วยการทำเด็กหลอดแก้วถึง 20% และอัตรานี้จะลดน้อยลงเมื่ออายุที่เพิ่มมากขึ้น
จากความกังวลที่ระบุไว้ข้างต้น ฟังดูอาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 40 ปีที่เข้ารับการรักษาด้วยทรีทเมนท์ IVF หรือการทำเด็กหลอดแก้วด้วยไข่ของตัวเอง บางคลินิกหลายแห่งจะมีกำหนดข้อจำกัดของอายุ ซึ่งข้อจำกัดอายุนี้จะสามารถอยู่ระหว่าง 42-45 ปี
ซึ่งหมายความว่าการเข้ารับการทำเด็กหลอดแก้วด้วยไข่ของตัวเองสามารถทำได้แม้มีอายุที่มาก อย่างไรก็ตามถ้าหากคุณล้มเหลวในการตั้งครรภ์หลายครั้งก่อนหน้านี้ที่เกิดจากตัวอ่อนไม่แข็งแรงหรือไม่มีไข่ที่มีคุณภาพเพียงพอที่คลีนิกกำหนด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์เป็นหลักของแต่ละที่ทั่วโลก ก็อาจสามารถรับการรักษาด้วยการทำเด็กหลอดแก้วได้ หรือหากมีอายุเกิน 50 ปีแล้วขึ้นไป
ดังนั้นการมีอายุ 40 ปีจึงยังไม่สายเกินไปที่จะลองทำเด็กหลอดแก้ว อาจจะมีจำนวนไข่เพียงพอที่สามารถใช้ในการสร้างตัวอ่อนที่แข็งแรงเพื่อตั้งครรภ์ได้เอง และถ้าหากมีความตั้งใจอยากมีลูกเพิ่มก็สามารถเก็บตัวอ่อนที่สุขภาพดีนั้นแช่แข็งได้ เพื่อนำมาฝังไข่ภายหลังได้
เคล็ดลับในการเพิ่มโอกาสเพื่อประสบความสำเร็จในการทำเด็กหลอดแก้ว
1. รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี
ภาวะเจริญพันธุ์และโอกาสประสบความสำเร็จในการรักษาด้วยการทำเด็กหลอดแก้วอาจเกิดผลดีขึ้นอย่างมาก เพียงแค่ลดน้ำหนักส่วนเกินออกไป เป็นเพราะน้ำหนักที่หนักมากไปอาจทำให้เป็นการยากต่อการตรวจสอบรังไข่เพื่อจะระบุเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเก็บไข่และอาจทำให้ขั้นตอนซับซ้อนขึ้น ควรปรึกษากับแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อปรับเปลี่ยนอาหารและโปรแกรมการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตัวเองก็สามารถช่วยได้มาก
2. ลดความเครียด
อัตราการปฏิสนธิอาจได้รับผลกระทบจากความเครียด เริ่มตั้งแต่ระยะกระตุ้นรังไข่ระดับความเครียดก็สามารถส่งผลต่อการตั้งครรภ์ได้ ลองพยายามหากิจกรรมหรือเทคนิกการผ่อนคลายที่สามารถช่วยลดความเครียดได้ ถึงแม้ว่ากระบวนการนี้จะแฝงด้วยความเครียดมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ควรหันมาลองการออกกำลังกาย การนวด การฝังเข็ม การฝึกหายใจ วันหยุดพักผ่อน หรือโปรแกรมการฝึกจิตใจและร่างกาย เป็นต้น ลองค้นหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองที่ช่วยบรรเทาความตึงเครียดให้ลดลงได้
3. เลิกบุหรี่และแอลกอฮอล์
การสูบบุหรี่มีผลกระทบทางลบต่อสุขภาพร่างกายซึ่งอาจส่งผลต่ออัตราความสำเร็จของเด็กหลอดแก้ว ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพของไข่และสเปิร์ม และการดื่มแอลกอฮอล์ก็ยังส่งผลลบต่อโอกาสในการปฏิสนธิและการเกิด อาจส่งผลกระทบต่ออัตราการเจริญพันธุ์ หากตัดนิสัยทั้งสองออกและรักษาสุขภาพให้ดีอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จได้
4. พบผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์ที่ดี
รับฟังคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือครอบครัวและเพื่อนที่เคยได้รับการรักษาดังกล่าวเพื่อหาผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะเจริญพันธุ์ที่จะเข้ารักษาด้วย อาจจะต้องเป็นคนที่รู้สึกสบายใจและแนะนำทิศทางการรักษาได้ รวมไปถึงการพิจารณาจากอัตราความสำเร็จและตรวจสอบให้แน่ใจว่าแพทย์คนนั้นได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องและมีอุปกรณ์เครื่องมือที่ครบครันทันสมัย
5. เพิ่มคุณภาพของสเปิร์ม
หากไม่ได้ใช้สเปิร์มจากผู้บริจาค คู่สมรสฝ่ายชายก็มีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพของสเปิร์มได้เช่นกัน เช่นเดียวกับทางฝ่ายหญิง ควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม กรณีที่อยู่ในช่วงประเมินคุณภาพของตัวอสุจิซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับผู้เชี่ยวชาญ อาจจะแนะนำให้รับประทานยาและอาหารเสริมเข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มคุณภาพและปริมาณอสุจินี้
6. ความอดทน
ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาเด็กหลอดแก้วนั้น อาจจะเริ่มจากการทำให้สุขภาพดีอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพดีมากเท่าไร ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการตั้งครรภ์มากยิ่งขึ้นเท่านั้น ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลงที่คู่สมรสที่มีสุขภาพที่แข็งแรง แต่มีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษา IVF มากกว่า 1 ครั้ง โดยเฉพาะเมื่อได้ทำทุกอย่างถูกต้องและทำตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างดีแล้ว เพราะการรักษาด้วยวิธีนี้ ความอดทนไม่ท้อแท้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด